แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 – 1 เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน

เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ของ ไบรอัน ร็อบสัน ได้ต่อลมหายใจในการต่อสู้หนีการตกชั้น หลังจากเสมอ 1-1 ที่บ้านเดิมของเขาคือ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ ทำประตูที่อาจจะเป็นประตูที่มีค่ามหาศาลจากจุดโทษในนาทีที่ 62 หลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำก่อนจากประตูของ ไรอัน กิ๊กส์ ในนาทีที่ 21
ผลเสมอยังทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หยุดชะงักในการลดช่องว่างคะแนนกับ อาร์เซนอล รองจ่าฝูง คะแนนที่หายไป 2 คะแนนทำให้ปีศาจแดง ตามหลังไอ้ปืนใหญ่ อยู่ 3 คะแนน โดยลงเล่นมากกว่า 1 นัด
เวสต์ บรอมวิช เริ่มเกมด้วยอันดับบ๊วยของตาราง หลังจากผลการแข่งขันก่อนหน้านี้ของทีมที่หนีตกชั้นด้วยกันอย่าง คริสตัล พาเลซ, เซาแธมป์ตัน และ นอริช ซิตี้ ได้คะแนนกันหมด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุมเกมในครึ่งแรกได้ดี แต่ เวสต์ บรอมวิช กลับมาทำได้ดีหลังจากพักครึ่ง และแม้ว่าปีศาจแดง จะบุกแหลกในช่วงท้ายเกม แต่สุดท้ายแล้วเป็นแฟนบอลของทีมเยือนที่ได้เฮ
นี่เป็นการพบกันในลีกครั้งที่ 104 ระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เวสต์ บรอมวิช ซึ่งเริ่มพบกันตั้งแต่ปี 1892 โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะมาแล้ว 42 ครั้ง ในขณะที่ เวสต์ บรอมวิช คว้าชัยชนะได้ 37 ครั้ง และเสมอกัน 24 ครั้ง
ที่จริงแล้ว ไบรอัน ร็อบสัน เป็นผู้เล่นของ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ชุดล่าสุดที่คว้าชัยชนะในลีกได้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาอยู่ในทีม เดอะ แบ็กกี้ส์ ที่เอาชนะยูไนเต็ดไปได้ 5-3 เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 1978 ในนัดที่หลายๆ คนยกให้เป็นนัดที่คลาสสิกนัดหนึ่ง ในตอนนั้น เวสต์ บรอมวิช เป็นหนึ่งในยอดทีมของอังกฤษ และพวกเขาจบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 3 ตามหลังแชมป์ ลิเวอร์พูล และรองแชมป์ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
พวกเขา เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในลีกครั้งล่าสุดได้ที่ เดอะ ฮอว์ธอร์นส เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 1984 โดยได้ประตูจาก สตีฟ แม็คเคนซี่ และ ไซริลล์ รีจิส ทำให้พวกเขาชนะไป 2-0
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนแปลงทีมจากที่เอาชนะ ชาร์ลตัน แอธเลติก ได้อย่างน่าประทับใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กัปตันทีม รอย คีน ติดโทษห้ามแข่ง 1 นัด ในขณะที่ ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์, พอล สโคลส์ และ เวย์น รูนี่ย์ ได้พัก โดย สโคลส์ และ รูนี่ย์ มีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรอง ในขณะที่ เคล็บแบร์สัน, ฟิลเนวิลล์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ควินตัล ฟอร์จูน มีชื่อเป็นตัวจริง
ทีมของ ไบรอัน ร็อบสัน มีชื่อของนักเตะเก่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 คนคือ รอนนี่ วอลล์เวิร์ค และ โจนาธาน กรีนนิ่ง แต่ คีแรน ริชาร์ดสัน ลงเล่นไม่ได้ เนื่องจากกฎการยืมตัวของพรีเมียร์ชิพห้ามเอาไว้
เมฆเข้าปกคลุมสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ตอนเริ่มเกม และมีความเย็นยะเยือกพัดผ่านเมื่อเกมเริ่มขึ้น โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบุกไปทาง ‘สกอร์บอร์ดเอนด์’
เวสต์ บรอมวิช ซึ่งสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มลายขาว ได้รับเสียงเชียร์หนวกหูจากแฟนบอลของพวกเขาที่ดูสนุกสนาน แม้ว่าอันดับของทีมจะอยู่ท้ายสุดของตาราง
เป็นไปตามคาดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุมเกมไว้ได้หมดในช่วงเริ่มเกม ไรอัน กิ๊กส์ เล่นอย่างมีพลัง รวมทั้ง โรนัลโด้ ซึ่งทดสอบ รัสเซล โฮลท์ ผู้รักษาประตูของ เวสต์ บรอมวิช ด้วยลูกยิงสุดสวยในช่วงต้นเกม โฮลท์ ยังต้องอาศัยความว่องไวอีกครั้งในนาทีที่ 14 เมื่อ ควินตัน ฟอร์จูน ลองยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษ โฮลท์ ปัดเอาไว้ได้ แต่ก็กลายเป็นลูกเตะมุม
ปัญหาของ เวสต์ บรอมวิช ที่อยู่ในโซนท้ายตารางพรีเมียร์ชิพเพิ่มขึ้นอีกในนาทีที่ 21 เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกนำไปก่อน กิ๊กส์ เป็นผู้ทำประตูจากลูกฟรีคิก โดยปั่นโค้งด้วยเท้าซ้ายจากกรอบเขตโทษ หลังจาก อลัน สมิธ ถูกทำฟาวล์
ทีมเยือนยังต้องโชคร้ายมากขึ้นไปอีก ระหว่างที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังฉลองประตูที่ทำได้ โฮลท์ ผู้รักษาประตูของ เวสต์ บรอมวิช ส่งสัญญาณไปที่ม้านั่งสำรองว่าเขาได้รับอาการบาดเจ็บ นักกายภาพบำบัดเข้ามาดูอาการ แต่ไม่สามารถช่วยได้ และ โธมัส คูสซาค ผู้รักษาประตูสำรองต้องลงสนามมาเฝ้าเสาแทน
โรนัลโด้ สนุกสนานกับการเล่นที่ปีกขวา เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงคุมเกมไว้ได้ตลอด คูสซาค พุ่งอย่างรวดเร็วไปบล็อกลูกยิงจากดาวรุ่งโปรตุเกส
เวสต์ บรอมวิช ซึ่งถูกบุกแหลกจนต้องล่าถอยอยู่แต่ในฝั่งตัวเองตลอด 45 นาทีของครึ่งแรก น่าจะรู้สึกพอใจที่พวกเขาตามหลังอยู่แค่ประตูเดียวหลังจากผู้ตัดสินเป่านกหวีดพักครึ่ง
ครึ่งหลังเริ่มได้อย่างมีชีวิตชีวา สมิธ ถูกจดชื่อหลังจากทำฟาวล์อย่างไม่ระวังใส่ โธมัส การ์ดโซ่ กองหลังของทีมเยือน และหลังจากนั้น กองเชียร์ก็ลุกยืนกันทั้งสนาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบจะออกนำเป็น 2 ประตู เมื่อ เคล็บแบร์สัน ยิงจากการผ่านของ กิ๊กส์ เพื่อทดสอบว่า คูสซาค ยืนหลับอยู่หรือเปล่า
เวสต์ บรอมวิช ดูเหมือนจะตื่นขึ้นมาเผชิญกับความเป็นจริงที่ยากลำบากในช่วงต้นครึ่งหลัง พวกเขาเล่นกันอย่างมุ่งมั่นมากขึ้น

ดคล็บแบร์สัน น่าจะทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำห่างในนาทีที่ 53 หลังจาก ฟอร์จูน จ่ายบอลให้อย่างงาม กองกลางชาวบราซิล ไม่มีทางได้โอกาสดีกว่านี้อีกแล้ว แต่ลูกยิงของเขากลับขึ้นไปบนสเตรทฟอร์ดเอนด์
เวสต์ บรอมวิช ยังคงต่อสู้ต่อไป และในนาทีที่ 62 ความพยายามของพวกเขาก็ประสบผลสำเร็จจากการได้ประตูตีเสมอ จอฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ ถูกตัดสินว่าโดนทำฟาวล์โดย จอห์น โอเชีย ในขณะที่ทั้งคู่วิ่งไล่กันในเขตโทษ และ เอิร์นชอว์ เป็นคนยิงลูกจุดโทษเข้าไป
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตอบโต้ประตูของ เวสต์ บรอมวิช ทันควันโดยการเปลี่ยนตัวรวดเดียว 3 คน เวย์น รูนี่ย์, พอล สโคลส์ และ หลุยส์ ซาฮา ได้ลงสนามแทนที่ของ ฟิล เนวิลล์, สมิธ และ เคล็บแบร์สัน
เกมในช่วงท้ายน่าสนใจมากเมื่อทั้ง 2 ทีมต่างพยายามจะเป็นผู้ชนะ เอ็นวานโก้ คานู อดีตกองหน้าของ อาร์เซนอล ถูกปฏิเสธการได้ลูกจุดโทษ ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโคลส์ เกือบจะยิงผ่านมือ คูสซาค ไปได้แล้ว แต่ลูกยิงเรียดของเขาชนเสาออกไป
เหลือเวลาอีก 2 นาที คูสซาค เป็นฮีโร่ของ เวสต์ บรอมวิช หลังจากป้องกันลูกยิงฟรีคิกสุดสวยของ รูนี่ย์ ได้อย่างยอดเยี่ยม ลูกบอลโค้งหนีกำแพงของ เวสต์ บรอมวิช ไปแล้ว แต่ผู้รักษาประตูยังคงเห็นทัน และปัดออกหลังเป็นลูกเตะมุม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกหนักในช่วงก่อนหมดเวลา แต่กองหลังของ เดอะ แบ็กกี้ส์ ยังมั่นคง ทำให้พวกเขายังคงมีโอกาสต่อสู้เพื่อดิ้นรนหนีการตกชั้นต่อไป
จบการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอกับ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ด้วยสกอร์ 1-1 (บรรบายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รอย คาร์โรลล์ 13
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
ฟิล เนวิลล์ 3
จอห์น โอเชีย 22
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ควินตัน ฟอร์จูน 25
ไรอัน กิ๊กส์ 11 ( น. 21)
เคล็บแบร์สัน 15
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
อลัน สมิธ 14 ( น. 47)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
เลียม มิลเลอร์ 17
พอล สโคลส์ 18 น. 67 ฟิล เนวิลล์ 3
เวย์น รูนี่ย์ 8 น. 67 เคล็บแบร์สัน 15
หลุยส์ ซาฮา 9 น. 67 อลัน สมิธ 14
เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน
รัสเซล โฮลท์ 1
มาร์ติน อัลเบรชท์เซ่น 14
นีล คลีเมนท์ 19
โธมัส การ์ดโซ่ 4
พอล โรบินสัน 3
รอนนี่ วอลล์เวิร์ค 24
โจนาธาน กรีนนิ่ง 8
เควิน แคมป์เบลล์ 21
โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ 34 ( น. 63, จุดโทษ)
โซลตัน เกร่า 11
จอฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ 9
สำรอง
โธมัส คูสซาค 29 น. 22 รัสเซล โฮลท์ 1
ดาร์เรน มัวร์ 5
ริคคาร์โด้ ไซเมก้า 2
จุนอิชิ อินาโมโต้ 33 น. 83 โซลตัน เกร่า 11
เอ็นวานโก้ คานู 25 น. 66 จอฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ 9
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตู 1, ลูกยิงตรงกรอบ 14, ลูกยิงหลุดกรอบ 13, เตะมุม 12, ฟาวล์ 10, ล้ำหน้า 2, ใบเหลือง 1, การครองบอล 63%
เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ยิงประตู 1, ลูกยิงตรงกรอบ 1, ลูกยิงหลุดกรอบ 2, ฟาวล์ 13, ล้ำหน้า 3, การครองบอล 37%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอย คาร์โรลล์ 6, เวส บราวน์ 7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6, มิเกล ซิลแวสตร์ 7, จอห์น โอเชีย 6, ฟิล เนวิลล์ 6, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 8, เคล็บแบร์สัน 6, ควินตัน ฟอร์จูน 7, ไรอัน กิ๊กส์ 8, อลัน สมิธ 6, พอล สโคลส์ (สำรอง) 7, เวย์น รูนี่ย์ (สำรอง) 7, หลุยส์ ซาฮา (สำรอง) 6
เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน รัสเซล โฮลท์ 6, มาร์ติน อัลเบรชท์เซ่น 6, โธมัส การ์ดโซ่ 7, นีล คลีเมนท์ 6, พอล โรบินสัน 7, รอนนี่ วอลล์เวิร์ค 6, โจนาธาน กรีนนิ่ง 5, โซลตัน เกร่า 6, โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ 7, เควิน แคมป์เบลล์ 6, จอฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ 6, โธมัส คูสซาค (สำรอง) 9, จุนอิชิ อินาโมโต้ (สำรอง) 6, เอ็นวานโก้ คานู (สำรอง) 6
Por

Related Posts