แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 – 1 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

เวย์น รูนี่ย์ โชว์ฟอร์มเก่งพาทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-1 โดยยิงคนเดียว 2 ประตู บวกกับอีกแอสซิสต์ให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แม้ว่า ปาปิสส์ ซิสเซ่ จะมายิงจุดโทษท้ายเกมให้กับทีมเยือนได้ แต่โดยรวมก็ถือว่ามันเป็นวันที่ดีในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด

ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ทีมปีศาจแดงไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ ลีก เป็นเกมที่ 8 ติดต่อกันแล้ว และก็ทำสถิติคว้าชัย 11 ครั้งติดในการเตะบ็อกซิ่ง เดย์ ด้วยผลงานในสนามแบบนี้ทำให้เห็นว่า หลุยส์ ฟาน กัล คิดถูกที่ปล่อยให้นักเตะได้พักผ่อนอยู่กับครอบครัวในวันคริสต์มาส

ผู้จัดการทีมทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่น 1 ตำแหน่งจากเกมพบแอสตัน วิลล่า เป็น แพ็ดดี้ แม็คแนร์ ที่ได้ลงเล่นในระบบแผงหลัง 3 คน ไมเคิล คาร์ริค ได้กลับไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์แทนที่ ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ที่มีชื่อเป็นสำรอง ส่วน อังเคล ดิ มาเรีย ไม่มีชื่อในเกมนี้ เนื่องจากยังดูไม่ฟิตสมบูรณ์ในการฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนเกมนี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเริ่มต้นเกมได้ดี และก็มีจังหวะที่ได้ลุ้นมากมายที่หน้าปากประตูนิวคาสเซิล แม้ว่าโอกาสแรกที่น่าเป็นประตูมากที่สุดจะเป็นของทีมเยือนจาก อาโยเซ่ เปเรซ มากกว่าก็ตาม ราดาเมล ฟัลเกา ซึ่งได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นเกมแรกนับตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม ได้โขกลูกครอสจาก แอชลี่ย์ ยัง หลุดเสาออกไปนิดเดียว

จากนั้นในนาทีที่ 15 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็ได้บอลจากการโยนขึ้นหน้ามาให้ของ เวย์น รูนี่ย์ เขาแตะบอลหนี แจ็ค อัลน์วิค ผู้รักษาประตูนิวคาสเซิล ก่อนที่จะแปด้วยมุมแคบหลุดกรอบออกไป จากนั้น แดริล ยานมาท ก็ได้ยิงไกลระยะ 25 หลาให้ ดาบิด เด เคอา ต้องออกแรงเซฟ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาทำประตูขึ้นนำได้สำเร็จในนาทีที่ 23 จากลูกสวนกลับเร็ว รูนี่ย์ได้บอลในฝั่งตัวเองก่อนจะจ่ายออกข้างให้ ฮวน มาต้า เขาชิพข้ามฟากมาให้ฟัลเกาซึ่งแตะต่อมาให้รูนี่ย์ที่วิ่งเติมขึ้นมาแปเข้าประตูไปโล่งๆ เป็นลูกที่ 7 ของเขาในฤดูกาลนี้

กัปตันทีมปีศาจแดงได้ฉลองประตูอีกครั้งในนาทีที่ 36 จากจังหวะสไลด์แย่งลูกของฟัลเกา บอลมาเข้าทางมาต้า และมิดฟิลด์ชาวสเปนก็แทงทะลุช่องต่อให้รูนี่ย์ยิงผ่านมืออัลน์วิคเข้าไป

หลังพักครึ่ง ทีมของฟาน กัลก็ยังเล่นกันได้ดี และก็มาทำประตูทิ้งห่างได้อีกในนาทีที่ 53 คราวนี้มาจากฟาน เพอร์ซี่ที่โขกลูกโยนจากรูนี่ย์เข้าประตูไปต่อหน้าแฟนๆ ฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์ จากนั้นนิวคาสเซิลก็เริ่มตอบโต้บ้างจากจังหวะยิงของดาวรุ่งวัย 17 ปี อดัม อาร์มสตรอง ที่ถากเสาไกลออกไป

ด้วยความที่มีแมตช์เยือนท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ รออยู่ในวันอาทิตย์ ทำให้คาร์ริคกับฟัลเกาถูกถอดออกมาพักท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟนๆ เมื่อเกมครบชั่วโมง เป็นเฟล็ตเชอร์กับ เจมส์ วิลสัน ที่ได้ลงไปเล่นแทน ราฟาเอล ดา ซิลวา ก็ได้ลงเล่นเช่นกันหลังหายไปนานจากอาการบาดเจ็บ ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ลงสนามก็คือเกมเสมอเชลซี 1-1 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม โดยเขาลงมาแทน อันโตนิโอ วาเลนเซีย

การเปลี่ยนแปลงทีมในครั้งนี้ทำให้จังหวะของเกมดร็อปลงไป และท่ามกลางสายฝนที่เริ่มตกลงมาหนักขึ้นในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ทีมเยือนก็มาได้ลูกจุดโทษในขณะที่เกมเหลืออีก 3 นาที แจ็ค คอลแบ็ค ถูก ฟิล โจนส์ สะกิดล้มลงในกรอบเขตโทษ และตัวสำรองอย่าง ปาปิสส์ ซิสเซ่ ก็รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก และก็เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ยังสานต่อสถิติอันยอดเยี่ยมในบ็อกซิ่ง เดย์ ต่อไป

สถิติ


Related Posts